ตำรวจตามรวบทันควัน หนุ่มเร่งเครื่องเบิร์นยาง กลางตลาดเมืองตรัง จนเป็นคลิปดังโซเชียล รับสารภาพเสพยาบ้ามา 3 เม็ด อ้างเครียดปัญหาครอบครัว
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2564 ร.ต.อ.ศิวกรณ์ แป้นไทย รอง หน.ชปส.ภ.จว.ตรัง พร้อมด้วยกำลังตำรวจชุด ชปส.ภ.จว.ตรัง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจชุดอินทรี สายตรวจจราจร สภ.เมืองตรัง กว่า 10 นาย ร่วมกันจับกุมนายวิมล หรือฉายาเบนซ์ เรซซิ่ง เมืองตรัง อายุ 27 ปี
พร้อมของกลางรถกระบะ อีซูซุ แต่งซิ่ง สีขาว ทะเบียน กอ9897 เชียงราย จับกุมได้บริเวณทางเข้าตลาดเทศบาลนครตรังตรงข้ามธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตรัง ถนนกันตัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์คลิปวีดีโอความยาว 42 วินาที เป็นเหตุการณ์รถกระบะแต่งซิ่งสีขาวกำลังเบิ้ลเครื่องและเบิร์นยางจนควันดำคละคลุ้งกลางตลาดเซ็นเตอร์พอยท์ จากคลิปวีดีโอดังกล่าวมีการแชร์ส่งต่อกันและมีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังตามไปจับกุมตัวได้
จากการตรวจสอบพบว่ารถกระบะได้ขับด้วยความเร็วสูงเริ่มตั้งแต่สี่แยกวังตอ โดยขับไปตามเส้นทางถนนวิเศษกุล เข้าถนนพัทลุงจากนั้นมุ่งหน้าถนนรักษ์จันทร์ ขับไปจนถึงหน้ารพ.ตรังรวมแพทย์ จากนั้นมุ่งหน้าออกถนนห้วยยอด ก่อนขับเส้นทางถนนพัทลุงและเลี้ยวขวาเข้าตลาดเซ็นเตอร์พ้อยท์ ก่อนมาสิ้นฤทธิ์ที่ถนนกันตัง ระยะทางหลายสิบกิโลเมตร
จากการสอบสวนนายวิมล รับสารภาพว่า ก่อนก่อเหตุได้ไปเสพยาบ้า 3 เม็ด ที่ห้องเพื่อนในซอยตรอกปลา เสพเพราะเครียดมีเรื่องไม่เข้าใจกันในครอบครัว จากนั้นจึงขับรถไปทำธุระที่สี่แยกวังตอ ในตอนนั้นคิดแค่ว่าอยากระบายความเครียด
จึงขับรถกระบะซิ่งด้วยความเร็วจนตนอยากขอโทษผู้เสียหายและพี่น้องชาวจ.ตรัง ในการกระทำของตนครั้งนี้ ตนขอรับผิดชอบในการก่อเหตุครั้งนี้ หากมีผู้เสียหายก็ขอรับผิดชอบ หากพ้นโทษจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกแล้ว
ด้านน.ส.ฐิติมา ผู้ถ่ายคลิป เปิดเผยว่า ตนได้ยินเสียงรถขับผ่านด้วยความเร็ว พอดีมีรถขวางอยู่ด้านหน้าอยู่รถกระบะคันดังกล่าวจึงเร่งเครื่องจนควันดำไปทั่วตลาด ตนถือโทรศัพท์พอดีจึงถ่ายคลิปไว้ ตนตกใจมากกับเหตุการณ์นี้ถ้ามีเด็กข้ามถนนอาจจะโดนชนได้ เพราะจุดนี้มีคนพลุกพล่านมาก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)” ข้อหา “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น” และข้อหา “และขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน” ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก https://www.khaosod.co.th/